3.2 Usury Law and Time Value of Money
- นายธนาคารอิตาเลียนยิวรุ่นเก๋า
นายธนาคารอิตาเลียนยิวปัจจุบัน --
เมื่อไม่กี่ร้อยปีมานี่เอง อาชีพ นายธนาคาร ยังเป็น อาชีพ ที่ผิดศีลธรรม ถุกห้ามโดยศาสนา และกฎหมาย ถูกประนาม เหยียดหยาม มีแต่ชาวยิวที่ จำเป็นต้องทำเพราะความเป็นจริงชาวยิวกีดกันถูกห้ามประกอบอาชีพ ดีๆ ทั่วๆไป ( เกษตรกรรม การค้าพานิชย์ )
แต่แล้ววันนี้การให้กู้ยืมเงิน กลายเป็นอาชีพทรงเกียรติ มีความสำคัญยิ่งยวดสำหรับระบบเศรษฐกิจ ความมั่งคั่ง มั่นคงของประเทศชาติ !
อริสโตเติล พลาโต้ พระเยซู หลวงพ่อ Thomas Aquinas ใครต่อใครที่ประนามต่อต้าน usury การให้กู้ยืมและคิดดอกเบี้ย ดอกผล วันนี้ถ้าทราบได้ คงตกใจกลัดกลุ้มสะเทือนใจมากๆ ที่ปล่อยให้ อาชีพ (ชั่วร้าย)นี้ กลายเป็นอาชีพทรงเกียรติ และยังทำให้ คนยิว เป็นมหาเศรษฐี มีอิทธิพลทั้งการเงินการเมืองอย่างมากมายขณะนี้ ( นี่ไม่ใช่ผมคิดน่ะครับ ท่านๆที่เอ่ยนามเหล่านี้ คงจะคิด )
เพียงไม่กี่ร้อยปีมานี้ เกิดอะไรขึ้น ทำไม อาชีพนายธนาคาร การให้กู้ยืมเงินโดยคิดดอกเบี้ย กลับเปลี่ยน หน้ามือเป็นหลังมือ จากสิ่งชั่วร้าย Evil เป็น อาชีพสำคัญ ทรงเกียรติ ช่วยประเทศชาติ ประชาชนเช่นนี้
ความเป็นจริงแล้ว แต่ดั้งเดิม ศาสนาแต่ละศาสนา ก็มี ข้อยกเว้นเรื่องการให้กู้ยืมเงินและคิดดอกเบี้ย ตั้งแต่ศานาฮิบรูของยิวที่ห้ามแต่การให้กู้ยืมชาวยิวด้วยกัน แต่ไม่ห้าม การให้กู้ยืม คนนอกศาสนายิว ศาสนาคริสต์ มีข้อยกเว้นชัดเจนตั้งแต่สมัย คริสต์ศตวรรษที่ 13 พระ Cardinal Hostiensis ได้กำหนดสถานการ์ณ 13 ประการที่การให้กู้ยืมโดยคิดดอกเบี้ยไม่ผิดศีลธรรม สถานการ์ณที่สำคัญ ประการหนึ่งเรียกว่า lucrum cessans (profits given up) การสูญเสียโอกาสที่จะทำกำไรเอง ตรงกับสมัยนี้ ที่เรียกว่า opportunity cost การยอมรับการให้กู้เพื่อการลงทุน Investment ที่มีลักษณะไปร่วมทุน เสี่ยงหากำไรด้วยกัน การให้กู้ยืมเพื่อการค้าพานิชย์ ( เพื่อนำไปหากำไร ) ในยุค ฟื้นฟูศิลปวิทยา Renaissance ยุโรป เติบโตการค้าพานิชย์ ทั้งในและระหว่างประเทศ ความจำเป็นในการใช้เงินจำนวนมากเพื่อการค้าการลงทุนมีมากความจำเป็นในการต้องกู้ยืมเงิน ที่เป็นประโยชน์แก่ผุ้ให้กู้ พ่อค้าพานิชย์ผู้กู้ ก็มีโดยชัดเจน ศาสนาใหม่ นิกาย Protestant ก็ค่อนข้างสนับสนุนวิทยาการ การค้าพานิชย์ วิชาการ ความก้าวหน้า
การสร้างความมั่งคั่งทางการเงิน เริ่มๆไม่ใช่สิ่งเห็นแก่ตัว สิ่งชั่วร้ายอีกต่อไป ( ฟังๆแล้วเหมือน ประเทศจีน เมื่อเริ่มยุค เติ้ง เสี่ยวผิง แมวดำ แมวขาว )
Francis Bacon นักปราชญ์ นักการเมือง นักปกครอง นักกฎหมาย นักวิทยาศาสตร์ นักเขียน ชาวอังกฤษ ที่ลือเลื่อง ได้รับความเชื่อถือทั้งยุโรปและ สหรัฐอเมริกา ( แต่มีหนี้สินมากมายและจบชีวิติลงไม่ดีนัก ) เป็นผู้กล่าวว่า
“ Wealth is the baggage of virtue.” ความมั่งคั่ง ร่ำรวย คือ เสบียงกลังของ คุณงามความดี ( ถ้าไม่มีความร่ำรวยมั่งคั่ง ก็กระทำคุณงามความดีได้ยาก ) เป็นที่ถูกใจ เศรษฐี ทั้งหลายมากๆ และ "Therefore to speak of the abolishing of usury is idle" ดังนั้นการยกเลิกการคิดดอกเบี้ยจากเงินให้กู้ยืมก็เป็นการไร้ประโยชน์ ( เพราะ ผู้กู้ผู้ให้กู้ต่างได้ประโยชน์ และ ต่างต้องการประโยชน์ของตน ไม่มีใครจะให้ใครกู้โดยไม่คิดดอกเบี้ย การค้าพานิชย์ ก็จะลดน้อยถดถอยลงไป .......)
Adam Smith บิดาแห่งการค้าเสรี กล่าวว่า
..ดอกเบี้ย หรือการได้ใช้เงิน เป็นค่าตอบแทน ที่ผู้กู้ จ่ายให้ผู้ให้กู้ สำหรับกำไรที่เกิดจากการมีโอกาสได้ใช้เงินนั้น ...
แนวความคิดทางปรัชญาของ เงิน ความมั่งคั่ง ที่เปลี่ยนไป การเปลี่ยนแปลง ทางเศรษฐกิจ ระบบเศรษฐกิจ การค้าพานิชย์ การผลิต อุตสาหกรรม ทำให้เกิดความต้องการและจำเป็นของเงินจำนวนมาก ระบบการธนาคาร การระดมเงิน การให้กู้ยืมเงิน กฎหมายของทุกประเทศ เริ่มยอมรับรองสิทธิการคิดดอกเบี้ยของเจ้าหนี้
แต่มีการควบคุมไม่ให้คิดเกินอัตราที่สมควรหรือเกินอัตราที่อนุญาติ ( ที่เห็นว่า เป็นการเอาเปรียบสิ่งไม่ดี เป็นอาญา ) ปัจจุบัน usury จึงมีความหมายเปลี่ยนไป หมายถึงเฉพาะ การคิดดอกเบี้ยเกิน อัตราที่กฎหมายกำหนดอนุญาติ เรียกกันว่า Usury Law
ตามกฎหมายไทย Usury Law คือ
พรบ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พศ.2475
สำหรับการให้กู้ยืมเงินทั่วๆไปและเป็นความผิดอาญา มีโทษจำคุก ( ยังคงรักษา แนวความคิด ทางศาสนา ศีลธรรม อยู่ )
ส่วนสถาบันการเงิน มีกฎหมายเฉพาะกำหนดบังคับเจาะจงก็ว่าไปตามนั้น
( คือ มากกว่าได้ )
ตาม พระราชบัญญัติดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงิน พ.ศ. 2523 (มาตรา 4* เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขภาวะเศรษฐกิจของประเทศ รัฐมนตรีโดยคำแนะนำของธนาคารแห่งประเทศไทย มีอำนาจกำหนดอัตรา ดอกเบี้ยที่สถาบันการเงินอาจคิดจากผู้กู้ยืมหรือคิดให้ผู้ให้กู้ยืมให้สูงกว่าร้อยละสิบห้าต่อปีได้..)
แต่ในกรณีกำหนดอัตราเกินจากที่อนุญาติ ไม่ว่า สถาบันการเงิน( อัตราตามประกาศ รมต คลังฯ ) หรือ บุคคลทั่วไป ( 15% ) ดอกเบี้ยทั้งหมดก็จะตกเป็นโมฆะ อดได้ดอกเบี้ย ไปเลย
( อยากโลภมากนักรึ! )
Comments
Post a Comment